ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever) เป็นสุนัขพันธุ์หนึ่งที่นิยมแพร่หลายทั่วโลก สุนัขพันธุ์นี้คล้ายคลึงกับโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) ต่างกันที่ความยาวของขนและขนาดของกล้ามเนื้อลำตัว โดยลาบราดอร์จะมีขนที่สั้นกว่า เป็นสุนัขที่ฉลาดหลักแหลม กระตือรือร้น รักสนุก ช่างเอาอกเอาใจ เป็นสายพันธุ์ที่เหมาะกับครอบครัวที่มีเด็ก เพราะมีนิสัยเป็นมิตร
ทั้งนี้ ลาบราดอร์ มีจุดเด่นในเรื่องของความฉลาด มีคุณสมบัติในการตามกลิ่นได้เป็นเยี่ยม ลาบราดอร์ จึงมักถูกเลือกมาฝึกเพื่อใช้ในงานข้าราชการ ดังภาพที่เราจะเห็นเป็น สุนัข ตำรวจหรือ สุนัข กู้ภัย หรือกระทั่งใช้นำทางคนตาบอด
ชื่อสายพันธุ์ ลาบราดอร์ ได้มาจากแหล่งต้นกำเนิดของสุนัขพันธุ์นี้ คือ คาบสมุทร ลาบราดอร์ ประเทศแคนาดา แต่เดิมนั้นชาวประมงจะใช้ สุนัขพันธุ์ ลาบราดอร์ ในการเก็บเหยื่อ จำพวกปลาที่หลุดออกจากเบ็ดหรือแห หรืออาจจะใช้ให้ไปคาบเป็ดป่าที่ถูกยิงตกลงไปบนน้ำที่เย็นเฉียบ
ทั้งนี้ ลาบราดอร์ มีจุดเด่นในเรื่องของความฉลาด มีคุณสมบัติในการตามกลิ่นได้เป็นเยี่ยม ลาบราดอร์ จึงมักถูกเลือกมาฝึกเพื่อใช้ในงานข้าราชการ ดังภาพที่เราจะเห็นเป็น สุนัข ตำรวจหรือ สุนัข กู้ภัย หรือกระทั่งใช้นำทางคนตาบอด
ชื่อสายพันธุ์ ลาบราดอร์ ได้มาจากแหล่งต้นกำเนิดของสุนัขพันธุ์นี้ คือ คาบสมุทร ลาบราดอร์ ประเทศแคนาดา แต่เดิมนั้นชาวประมงจะใช้ สุนัขพันธุ์ ลาบราดอร์ ในการเก็บเหยื่อ จำพวกปลาที่หลุดออกจากเบ็ดหรือแห หรืออาจจะใช้ให้ไปคาบเป็ดป่าที่ถูกยิงตกลงไปบนน้ำที่เย็นเฉียบ
ในปี พ.ศ.2378 มีผู้นำ สุนัขพันธุ์ ลาบราดอร์ ลงเรือหาปลาไปขึ้นฝั่งที่ประเทศอังกฤษ จึงทำให้มีผู้พัฒนาสายพันธุ์มาเป็น สุนัข ล่าเหยื่อ และยังถูกใช้เป็น สุนัข กู้ภัยด้วย เพราะสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วแม้ในภูมิประเทศที่ขรุขระ หรือแม้กระทั่งพื้นที่ที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็ง สุนัข ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องความอดทน เข้มแข็ง มีความสามารถในการดมกลิ่นดีเยี่ยม มีความปรารถนาจะเอาใจผู้อื่นอีกด้วย และเป็น สุนัข ที่ขี้เล่นกับเจ้าของมาก
ลักษณะสายพันธุ์ของสุนัขพันธุ์ลาบราดอร์
ลาบราดอร์ จะมีขนสองชั้น ชั้นนอกสั้น เหยียดตรง และแน่น ขนชั้นในนุ่มและช่วยปกป้องจากสภาพภูมิอากาศที่เลวร้ายได้ดี สีขนเป็นสีดำ สีเหลือง หรือสีช็อคโกแลต บางครั้งอาจมีจุดขาวบริเวณหน้าอก หางของลาบราดอร์ ดูคล้ายหางของตัวนาก โคนหางจะหนาและเรียวลงจนถึงปลายหาง
ส่วนนิสัย "ลาบราดอร์" เป็นสุนัขที่มีเสน่ห์และน่าเลี้ยงที่สุดพันธุ์หนึ่ง ฝึกง่าย ตื่นตัว กระฉับกระเฉง ช่างประจบ ใจดี และ ฉลาด สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี เป็นมิตรกับคนและสัตว์อื่น เป็น สุนัข ที่รักเด็ก และชอบเล่นกับเด็ก นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการสะกดรอยและการปราบปรามยาเสพติด
อาหารและการเลี้ยงดูลาบราดอร์
สถานที่เลี้ยง ลาบราดอร์ต้องมีคอกที่ใหญ่และมีรั้วสูงล้อมรอบ และควรใส่ใจดูแลสุขภาพ ควรแปรงขนให้สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง การเดินและวิ่งเล่นในที่ที่ไม่พลุกพล่านถือเป็นการออกกำลังกายที่ดี และเนื่องจาก ลาบราดอร์ เป็นสุนัขที่ไม่กลัวน้ำ ชอบว่ายและเล่นน้ำ หากมีเวลาก็ควรให้ได้ลงไปว่ายน้ำเก็บของบ้าง
สำหรับ สุนัข ที่โตแล้ว ควรให้เขาเดินได้วันละ 30 นาที จะทำให้พวกเขาแข็งแรง ในขณะที่สำหรับลูกสุนัข จะใช้เวลาในการเล่นทั้งวัน ใครที่คิดจะเลี้ยง สุนัขพันธุ์ ลาบราดอร์ บ้านของคุณควรมีบริเวณสนามหลังบ้าน ไว้ให้พวกเขาได้วิ่งเล่น และพวกเขายังเป็นจอมเคี้ยวและจอมขุดตัวยงอีกด้วย ถ้าคุณอยากให้สวนของคุณสวยเหมือนเดิม ให้เตรียมกั้นรั้วไว้ว่าบริเวณไหนที่คุณจะอนุญาตให้ ลาบราดอร์ เล่นได้
ในเรื่องของอาหาร สุนัขพันธุ์ ลาบราดอร์ จะอ้วนง่ายเวลาที่มีอายุมากขึ้น ซึ่งสามารถก่อให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพ ดังนั้น จึงควรดูแลอาหารการกินที่มีปริมาณและคุณค่าทางอาหารเหมาะสมตามวัยของ สุนัข และที่สำคัญควรจะพา สุนัข ไปตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี และตรวจสอบว่ามีปัญหาเรื่องโรคกระดูกข้อสะโพกหลุดหรือกระดูกอ่อนหรือไม่ การตรวจพบตั้งแต่ช่วงเริ่มแรก จะทำให้รักษาได้ผลดีกว่า
โรคที่มักเกิดกับสุนัขพันธุ์ลาบราดอร์
โรคข้อสะโพกเสื่อม (Hip Dysplasia ) เป็นโรคกระดูกที่พบได้มากใน สุนัข พันธุ์ใหญ่ ( Giant and large breed ) โดยพบมากถึง 1 ใน 3 ของโรคกระดูกทั้งหมดใน สุนัข โดยโรคนี้จะมีพัฒนาการในช่วงที่มีการเจริญเติบโต ของกระดูกจึงอาจพบได้ตั้งแต่ 4-12 เดือน
โรคกระดูกอ่อน เป็นโรคที่เกิดขึ้นกับ สุนัข ที่มีการเจริญเติบโตของกระดูกไม่สมบูรณ์ จะมีอาการที่พบเห็นทั่วไป คือ สุนัขมีอาการขาโก่ง หรือ ขณะเดินจะสังเกตว่าขาจะไม่มั่นคง จะปัดไปปัดมา ซึ่งสาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น ขาดการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ในช่วงที่กำลังเจริญวัย กินอาหารครั้งละมากๆ กินแล้วก็นอน ฯลฯ และผลที่ตามมา ขาก็จะลีบเล็กลง โดยที่มีน้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้นเรื่อย จนทำให้ขาเสียในที่สุด
วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือ ให้อาหาร สุนัข ไม่ต้องมากในแต่ละมื้อ โดยอาจจะเพิ่มจำนวนมื้อให้มากยิ่งขึ้น และให้เวลากับสุนัขของคุณ ในการพาเค้าออกไปวิ่งเล่นออกกำลังกายยามว่าง ที่สำคัญอาหารที่ให้ก็ควรมีคุณค่าสารอาหารครบถ้วน ไม่ควรที่จะให้ ข้าวคลุกกับข้าว ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ ควรจะให้สลับกับอาหารสำเร็จรูป สำหรับสุนัขบ้าง เพราะอาหารเหล่านั้นจะมีสารอาหารอย่างครบถ้วนสมบูรณ์
โรคขาดฮอร์โมนไทรอยด์ กล่าวคือ ต่อมไทรอยด์สร้างฮอร์โมนน้อยกว่าปกติ และก่อให้เกิดความผิดปกติต่างๆ ของร่างกายโดยแสดงออกทางผิวหนัง อาการที่พบคือ สุนัขจะมีอาการขนร่วง เช่น ข้างลำตัว รอบก้นและหาง หน้าอก ในสุนัขอายุมากมักพบรังแคกระจายทั่วร่างกาย อาจพบผิวหนังมีเม็ดสีสะสม มักพบเป็นสีดำ อาจมีน้ำหนักตัวมากกว่าปกติ อ่อนเพลีย ซึ่งโรคนี้มักพบในสุนัขอายุ 6-10 ปี แต่ถ้าเป็น สุนัข พันธุ์ใหญ่สามารถพบในอายุน้อยกว่า 6 ปีได้ ดังนั้น หากสุนัขของคุณมีอาการดังนี้ แนะนำให้พาสุนัขมาตรวจกับสัตวแพทย์เพื่อรับการรักษาจะดีที่สุด
โรคประสาทตาเสื่อม อาจเรียกได้ว่าเป็นโรคประจำของสุนัขพันธุ์ ลาบราดอร์ เนื่องจากพบอัตราการป่วยมากกว่าสายพันธุ์อื่น โดยอาการจอตาเสื่อมมีหลายชนิด ขึ้นอยู่กับบริเวณของจอตาที่มีปัญหา อาการที่สังเกตได้คือ สุนัข จะมองภาพได้ไม่ชัดเจนในที่มีแสงน้อย และเจ้าของจะรู้สึกว่าตาแวววาวผิดปกติ เนื่องจากม่านตาขยายเพื่อให้แสงผ่านไปได้มากขึ้น สุนัข อาจเห็นภาพได้แคบลง จึงต้องหันหัวมอง หรืออาจเดินชนสิ่งของ ส่วนใหญ่อาการนี้ไม่สามารถรักษาได้ แต่ไม่ใช่ทุกตัวที่เป็นจะต้องตาบอดอย่างสมบูรณ์ ทั้งนี้ต้องได้รับตรวจอย่างละเอียด
โรคต้อกระจก มักเกิดกับ สุนัข ที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป โดยจะมองเห็นแก้วตามีลักษณะขุ่นขาว ซึ่งสุนัขยังพอมองเห็นได้ แต่ถ้าแก้วตาขุ่นเพิ่มมากขึ้นก็จะทำให้มองไม่เห็น เนื่องจากแสงไม่สามารถผ่านเข้าไปยังจอรับภาพได้ ทั้งนี้สาเหตุเป็นเพราะโรคเบาหวาน หรือได้รับบาดเจ็บ มีแผลที่ตา อย่างไรก็ตาม โรคต้อกระจกอาจจะพบได้ในสัตว์อายุน้อยตั้งแต่เกิดจนถึง 3 ปี เนื่องจากเป็นมาตั้งแต่เกิด สำหรับการรักษา ควรรีบพาสุนัขของคุณไปพบสัตวแพทย์ เพื่อรับการตรวจและรักษาทันที หากปล่อยทิ้งไว้นาน จะทำให้การรักษายากขึ้น และอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ตาบอดได้
โรคลมบ้าหมู จะทำให้ สุนัข ชักบ่อยๆ และควบคุมการทรงตัวไม่ได้ การแก้ไขเบื้องต้น ควรหาสถานที่ให้ สุนัข อยู่อย่างสงบในห้องที่มืดๆ จนกว่าอาการชักจะทุเลาลง ในระหว่างที่ สุนัข ชักอย่าได้เข้าไปจับตัวเด็ดขาด เพราะมันอาจหันมากัดได้ ทั้งนี้ ยารักษาโรคลมบ้าหมูอาจช่วยลดอาการชักให้น้อยลงได้ แต่ควรปรึกษาการใช้ยาจากสัตวแพทย์ สำหรับสาเหตุของโรคชักเกิดจากพยาธิในลำไส้เป็นตัวการสำคัญ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น