วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2557

RPG Maker XP สอนสร้างประตู ปิด/เปิด


RPG Maker XP Special tutorial: สอนจัดการทรัพยากรณ์


RPG Maker XP สอนสร้างเกมส์ บทที่6 : การเปลี่ยนภาพฉากเริ่มเกมส์และข้อมูลของส่­วนระบบ


RPG Maker XP สอนสร้างเกมส์ บทที่5 : สุดยอดคำสั่งที่มือใหม่ควรรู้!

มีทั้งหมด 5 part ตามลิ้งค์
https://www.youtube.com/watch?v=kOlCHZ_8Fcc
https://www.youtube.com/watch?v=nQEoWvhGRZE
https://www.youtube.com/watch?v=PgRvDLCV4bk
https://www.youtube.com/watch?v=ksZJSBuSRbo
https://www.youtube.com/watch?v=EiC7bVSCLcg

RPG Maker XP สอนสร้างเกมส์ บทที่4: การกำหนดคำสั่งให้กับเหตุการณ์ (event)


RPG Maker XP สอนสร้างเกมส์ บทที่ 3: การสร้างเหตุการณ์ ( อีเวนท์ )


RPG Maker XP สอนสร้างเกมส์ บทที่2: แผนที่ และการเซ็ตค่าต่างๆ ในแผนที่


RPG Maker XP สอนสร้างเกมส์ บทที่1: พื้นฐานโปรแกรม และเครื่องมือ


วันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2557

สุนัขพันธุ์ดัลเมเชียน(Dalmatian)!!!


ลักษณะจุดที่สวยงามของ ดัลเมเชียนทำให้สุนัขพันธุ์นี้มีลักษณะโดดเด่นจากสุนัขพันธุ์อื่นๆ ลูกสุนัขที่เพิ่งเกิดจะมีสีขาวทั้งตัวแล้วจะเริ่มเห็นจุดสีดำหรือสีตับเมื่ออายุได้ประมาณ 2 สัปดาห์สายพันธุ์บรรพบุรุษที่ใกล้ชิดกับสุนัขพันธุ์ ดัลเมเชียน ในยุควิกตอเรีย มีชื่อเสียงในการคุ้มกันกองคาราวานและวิ่งตามรถม้าของผู้ดีในยุคนั้นโดยฝูง ดัลเมเชียน จะกระจายอยู่ด้านหน้าข้างๆ และด้านหลังของตัวรถดัลเมเชียนมีความผูกพันกับม้าเป็นอย่างมากแม้ในปัจจุบัน ก็ยังเป็นเช่นนั้นอยู่ ถ้านำดัลเมเชียน ไปปล่อยไว้ใกล้ๆกับม้าเราจะเห็นดัลเมเชียนโดย ส่วนใหญ่เข้าไปทักทายกับม้าทันท ี สุนัขพันธุ์นี้เคยถูกใช้คุมฝูงวัวและเกวียนในสงครามโลกครั้งที่ 2 และสงครามเวียดนาม จะพบเขาได้ตามรถดับเพลิงและเป็นที่รักของเจ้านายในยุควิกตอเรีย เป็นสุนัขที่ใช้การแสดงต่างๆ ใช้ในกีฬาล่าสัตว์เขามีความสามรถมากมายหากคุณจะใจรับเขา 

ดัลเมเชียน มีชีวิตอยู่ได้ 12-14 ปี 
มีขนาด 56-61ซม. 
ดัลเมเชียน เป็นสุนัขรักสนุกที่แม้จะติดตลกด้วย้ำ แต่ก็ยังมีความสง่างามในตัวซึ่งเป็นสัญลักษณ์ ประจำของสุนัขพันธุ์นี้"รอยยิ้ม" ของเขาที่เราเห็นบ่อยมักจะโดนเข้าใจผิดว่าเป็นการแยเขี้ยคำรามถ้าไม่เหลือบไปเห็นหางระริกระรี้ที่กระดิกอยางเป็นมิตรอย่ด้วยวามที่เป็นสุนัขอ่อนไหวเขาจะคอยามติด และคอย้อนขอความรักจากคุณเสมอ 
ไม่ต้องการการดูแลเรื่องความสะอาดและการตัดแต่งขนมากนัก ไม่เหมือนกับพันธุ์อื่น เนื่องจากมีที่ขนสั้นแน่น 
ดัลเมเชียน ต้องการการแปรงบ้างในบางครั้งเพื่อให้อยู่ในสภาพที่ดี ด้วยความที่เป็นสุนัขที่แข็งแรงและตื่นตัว ดังนั้นต้องคอยฝึกให้เขาเชื่อฟังคำสั่งของเราด้วย รวมทั้งต้องพาพวกเขาไปเดินเล่นเดินทุกๆ วันและต้องให้เขาอยู่ในบริเวณที่มีรั้วรอบขอบชิด

ดัลเมเชียนมีความเสี่ยงที่จะเกิดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะได้ง่าย และบางตัวอาจมีปัญหาโรคผิวหนัง ขณะที่บางตัวอาจหูหนวกตั้งแต่เกิด

วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2557

อุปกรณ์รับข้อมูลเสียง(Voice Input Devices)

mouse



 อุปกรณ์รับข้อมูลเสียง(Voice Input Devices) รับเสียงพูดของ  User ส่งเข้าไปใน computer    อุปกรณ์จะจดจำเสียง และแปลงเสียงพูดนั้นเป็นข้อมูล  binary   โดยอาศัยระบบรู้จำเสียง (Voice Recognition System)   ซึ่งจะเปลี่ยนเสียงพูดให้คอมพิวเตอร์เข้าใจ โดยการเปรียบเทียบรูปคลื่นสัญญาณไฟฟ้าที่เปลี่ยนมาจากเสียงพูด กับรูปแบบของสัญญาณเสียงที่กําหนดไว้ ถ้าเหมือนกัน (Matching) คอมพิวเตอร์ก็จะยอมรับสัญญาณเสียงนั้น   ส่วนใหญ่แล้วเสียงที่ส่งเข้าไปนั้นจะขึ้นอยู่กับ Userว่าจะพูดอะไร  ระบบจะ เรียนรู้” เสียงของ User   เอง  ประเภทของระบบเสียงมี 2 แบบ คือ ระบบคำไม่ต่อเนื่อง   จะมีการแบ่งคำของ user  และระบบคำแบบต่อเนื่อง  โดย  User สามารถพูดได้เป็นปกติ

อุปกรณ์จับภาพ(image capturing device)

กล้องดิจิทัล (Digital Camera)


Digital Camera



        เป็นอุปกรณ์รับข้อมูลเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ ที่สามารถแปลงข้อมูลภาพเป็นสัญญาณดิจิทัล มีลักษณะการใช้งานเหมือนกล้องถ่ายภาพทั่วไป แต่ต่างกันตรงที่ไม่ต้องใช้ฟิล์มในการบันทึกข้อมูล ข้อมูลภาพที่ได้สามารถถ่ายลงสู่เครื่องคอมพิวเตอร์และสามารถเรียกดูได้ทันที หรือจะใช้โปรแกรมช่วยตกแต่งภาพให้ดูสวยงามขึ้นก็ได้

แผ่นสัมผัส (Touch Pads)


 แผ่นสัมผัส (Touch Pads) ก่อนที่จะพูดถึงว่า TouchPad คืออะไร เรามารู้จักก่อนว่า หน้าตาของ TouchPad เป็นอย่างไร TouchPad จะอยู่ตำแหน่งล่างของแป้นพิมพ์ทั้งหลาย มีหน้าตาเป็นพื้นที่สี่เหลี่ยม กว้าง ยาวประมาณ 2.5? x 2 นิ้ว ถัดลงจะมาจะมีปุ่มกด เช่นเดียวกับเม้าส์ จะมีทั้งซ้ายและขวา
TouchPad ทำหน้าที่แทนเม้าส์ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ใช้งานโน้ตบุ๊ก โดยเฉพาะเวลาวางโน้ตบุ๊กบนหน้าตัก ซึ่งแน่นอน ไม่มีที่สำหรับการใช้เม้าส์ เราสามารถสั่งงาน TouchPad แทนเม้าส์ได้ทุกอย่าง
   
  เป็นอุปกรณ์รับข้อมูลโดยการใช้นิ้วสัมผัสลงบนแผ่นสัมผัส น้ำหนักที่กดสงไปจะถูกเปลี่ยนเป็นสัญญาณไฟฟ้า มักเห็นอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก

เครื่องเทอร์มินัล (Point of Sale Terminal)

Point of Sale Terminal
เครื่องเทอร์มินัล (Point of Sale Terminal) เป็นอุปกรณ์รับข้อมูลอีกอย่างหนึ่งที่นิยมใช้ในร้านค้า เครื่องเทอร์มินัลนี้จะมีแป้นพิมพ์สำหรับกรอกข้อมูล มีจอภาพเล็กๆ เพื่อใช้แสดงผลต่างๆ และมีเครื่องพิมพ์สำหรับพิมพ์รายการ ทั้งนี้สามารถนำเครื่องอ่านรหัสบาร์โค๊ดเข้ามาช่วยในการรับข้อมูลได้ ซึ่งช่วยลดความผิดพลาดอันอาจเกิดจากการกรอกข้อมูลที่มีจำนวนมาก

จอสัมผัส (Touch Screen)

Touch Screen

จอสัมผัส (touchscreen) เป็นรูปแบบหนึ่งของอุปกรณ์แสดงผลและนำเข้าข้อมูลที่ผสมร่วมกัน เพื่อลดขนาดพื้นที่การใช้งาน โดยโปรแกรมจะแสดงผลภาพกราฟิกบนจอภาพ และผู้ใช้สามารถใช้นิ้วมือสัมผัสบนจอภาพ เพื่อเลือกรายการต่างๆ ทั้งที่อยู่ในลักษณะของรูปภาพ หรือข้อความก็ได้ เพื่อสั่งงาน จอสัมผัสนิยมนำมาใช้ในลักษณะของงานที่ช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหาการใช้อุปกรณ์นำเข้าแบบจับต้อง เช่น แป้นพิมพ์, เมาส์ เป็นต้น

จอยสติก (Joy Sticks)

     จอยสติก (Joystick) คืออุปกรณ์ที่มีลักษณะเป็นคันโยก มีปุ่มบังคับที่ด้ามคันโยก เพื่อควบคุมตำแหน่งบนจอภาพ  ได้ทุกตำแหน่งและทุกทิศทาง มักใช้ควบคุมโปรแกรมประเภทเกม ที่เป็นภาพเคลื่อนไหว วิดีโอเกม หรือโปรแกรมประเภทการออกแบบทำให้ผู้ใช้ สามารถควบคุมและใช้งาน โปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้ง่ายและสะดวก เวลาใช้งานให้นำจอยสติกต่อพ่วงกับพอร์ตจอยสติกที่อยู่ในซึ่งอยู่ในส่วน ของการ์ดเสียงด้านหลังเครื่องคอมพิวเตอร์ 

ปากกาแสง (Light Pen)




ปากกาแสง (Light Pen)ป็นอุปกรณ์รับข้อมูลอีกชนิดหนึ่งที่มีเซลล์แบบ photoelectric ซึ่งมึความไวต่อแสงทำงานคล้ายกับเมาส์ที่ใช้ในการติดต่อกับคอมพิวเตอร์มีรูป ร่างเหมือนปากกาและมีแสงอยู่ตอนปลาย มีสายที่สามารถเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ได้โดยที่ปลายข้างหนึ่งของ ปากกาจะมีสายเชื่อมที่สามารถต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์ การใช้งานทำได้โดยการแตะปากกาแสงไปบนจอภาพตามตำแหน่งที่ต้องการ นิยมใช้กับงานคอมพิวเตอร์ในการออกแบบ (Computer Aided Design หรือ CAD) การวาดภาพสำหรับงานกราฟิก รวมทั้งยังนิยมใช้เป็นอุปกรณ์ป้อนข้อมูลโดยการเขียนด้วยมือและจิ้มเลือกเมนู รายการที่ต้องการบนหน้าจอ เพื่อส่งผ่านข้อมูลการเลือกนั้นให้กับโปรแกรมที่อยู่ในหน่วยความจำ นอกจากนี้ยังมีการใช้ปากกาแสงกับเครื่องคอมพิวเตอร์ชนิดพกพาหรือปาล์มท็อปอ ย่างแพร่หลายด้วย เช่น PDA ข้อดีของปากกาแสง คือ สามารถจี้ไปบนจอภาพโดยตรงเพื่อบอกตำแหน่งที่ต้องการ

สแกนเนอร์ (Scanner)


สแกนเนอร์ (Scanner)
เป็นอุปกรณ์นำเข้าข้อมูลที่เป็นเอกสาร รูปภาพ หรือ รูปถ่าย สแกนเนอร์สามารถแบ่งออกได้ 3 ประเภท คือ
แบบเลื่อนกระดาษ (Sheet-Fed Scanner) สแกนเนอร์แบบนี้จะรับกระดาษแล้วค่อย ๆ เลื่อนหน้ากระดาษให้ผ่านหัวสแกนซึ่งอยู่กับที่
แบบแท่นนอน (Flatbed scanner) สแกนเนอร์แบบนี้จะมีกลไกคล้ายกับเครื่องถ่ายเอกสาร เหมาะสำหรับใช้กับเอกสารทั้งที่เป็นแผ่นเดียวและเอกสารที่เป็นเล่ม
แบบมือถือ (Hand-held Scanner) สแกนเนอร์แบบมือถือได้รวมเอาข้อดีของสแกนเนอร์ ทั้งสองแบบเข้าไว้ด้วยกัน
สามารถใช้สแกนเนอร์ทำงานต่างๆได้ดังนี้
            - ในงานเกี่ยวกับงานศิลปะหรือภาพถ่ายในเอกสาร
            - บันทึกข้อมูลลงในเวิร์ดโปรเซสเซอร์
            - แฟ็กเอกสาร ภายใต้ดาต้าเบส และ เวิร์ดโปรเซสเซอร์
            - เพิ่มเติมภาพและจินตนาการต่าง ๆ ลงไปในผลิตภัณฑ์สื่อโฆษณาต่าง ๆ

เครื่องอ่านพิกัด (Digitizer)

           เครื่องอ่านพิกัด (Digitizer) เป็นอุปกรณ์รับข้อมูล มีลักษณะเป็นแผ่นกระดานสี่เหลี่ยมมีขนาดเท่ากับจอภาพ มีสายไฟฟ้าและอุปกรณ์คล้ายแว่นขยายที่มีเครื่องหมายกากบาทตรงกลาง พร้อมกับปุ่มสำหรับกด โดยปกติมักใช้ในการอ่านจุดพิกัดของแผนที่ หรือตำแหน่งของภาพกราฟิกต่างๆที่มักจะใช้ในงาน CAD/CAM  และมีอุปกรณ์ชี้ตำแหน่ง คล้ายเมาส์วางบนแผ่นสี่เหลี่ยม เรียกว่า ทรานซดิวเซอร์ เมื่อเลื่อนตัวชี้ตำแหน่งไปบนกระดาน จะมีการส่งสัญญาณจาก ตะแกรงใต้แผ่น กระดาน ไปให้คอมพิวเตอร์




OMR (Optical Mark Reader)

             OMR คือ Optical Mark Reader  หรือเครื่องโอเอ็มอาร์ เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับอ่านคำตอบ มักนำไปใช้ในการตรวจข้อสอบปรนัยที่ใช้กับนักเรียนนักศึกษาในการทำข้อสอบปรนัยด้วยการฝนดินสอดำชนิด 2B  ลงในกระดาษคำตอบ (answer sheet) ตรงช่องตัวเลือกที่กำหนดไว้  โดยเครื่องโอเอ็มอาร์จะส่องไฟผ่านกระดาษที่อ่าน และจะสะท้อนแสงที่เกิดจากเครื่องหมาย ที่ทำขึ้นโดยดินสอ เนื่องจากรอยดินสอเกิดขึ้นจากดินสอ ที่มีตะกั่วอ่อน จึงเกิดการสะท้อนแสง  จากนั้นก็จะเทียบคำตอบที่ฝนไว้ว่าตรงกับคีย์คำตอบที่ตั้งค่าว่าเป็นคำตอบที่ถูกต้องหรือไม่


Optical Mark Reader

OCR (Optical Character Reader)



          อุปกรณ์นำเข้าข้อมูล โดยใช้วิธีการอ่านข้อมูลด้วยลำแสงในลักษณะพาดขวางบนเอกสารที่มีข้อมูลอยู่ แล้วแปลงรหัสเป็นสัญญาณไฟฟ้าเข้าไปเก็บในเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์OCR ที่เราสามารถพบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน ได้แก่ เครื่องอ่านรหัสแท่ง (Barcode reader)
          OCR ย่อมาจาก optical character reader (แปลตรง ๆ ได้ว่า เครื่องอ่านอักขระด้วยแสง) หมายถึง ความสามารถของคอมพิวเตอร์และการใช้โปรแกรมทำให้แสงผ่านตัวอักขระหรือภาพ แล้วสามารถรับรู้ นำเข้าไปเก็บในหน่วยความจำ และนำไปประมวลผลได้ ซึ่งจะทำให้ทุ่นเวลากว่าการส่งข้อมูลเข้าด้วยแป้นพิมพ์ได้มากทีเดียว ใช้ในการอ่านตัวเลขต่าง ๆ เช่น ธนาคารนำมาใช้อ่านเบอร์บัญชีของเช็ค เป็นต้น

เม้าส์(Mouse)

เม้าส์ คืออุปกรณ์ที่ใช้ในการควบคุมตัวชี้บนจอคอมพิวเตอร์ (pointing device) เป็นอุปกรณ์สำคัญในการใช้งานคอมพิวเตอร์ชิ้นหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันถูกออกแบบมาให้มีรูปร่าง ลักษณะ สีสัน ต่างๆกัน บางรุ่นมีไฟประดับให้สวยงาม เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละประเภทและความชื่นชอบของผู้ใช้ เช่นมีขนาดเล็ก มีส่วนโค้งและส่วนเว้าเข้ากับอุ้งมือของผู้ใช้ มีรูปร่างสีสันแปลกตาไปจากรุ่นทั่วๆไป หรือเป็นรูปตัวการ์ตูน และล่าสุดได้มีการพัฒนา เมาส์อากาศ (Air Mouse) ซึ่งสามารถใช้งานเม้าส์โดยถือขึ้นมาเอียงไปมาในอากาศโดยไม่จำเป็นต้องใช้แผ่นรอง ก็สามารถควบคุมตัวชี้ได้เช่นกัน
การทำงานของเม้าส์ ภายในตัวเม้าส์จะมีอุปกรณ์สำหรับตรวจจับตำแหน่งการเคลื่อนไหวของลูกกลิ้งยาง(สำหรับรุ่นเก่า)หรืออุปกรณ์ตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของแสง (ในเม้าส์ที่ใช้แอลอีดีหรือเลเซอร์เป็นแหล่งกำเนิดแสง) โดยตัวตรวจจับจะส่งสัญญาณไปที่คอมพิวเตอร์เพื่อแสดงผลของตัวชี้บนหน้าจอคอมพิวเตอร์
การเชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์ การใช้งานเม้าส์ร่วมกับเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นจะต้องมีการต่อมันเข้ากับช่องต่อของคอมพิวเตอร์ ซึ่งในยุคแรกๆนั้นช่องสำหรับต่อเม้าส์จะมีลักษณะเป็นหัวกลมใหญ่ภายในมีขาเป็นเข็มเรียกว่าแบบ DIN ต่อมามีการพัฒนาช่องต่อเป็นแบบหัวเข็มที่เล็กลงเรียกว่า PS/2 แต่การเชื่อมต่อทั้งสองแบบนั้นไม่สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้หลากหลาย จึงมีการพัฒนาช่องต่อแบบ USB ขึ้นมา และในเวลาใกล้ๆกันก็ได้มีการพัฒนาการเชื่อมต่อเม้าส์แบบไร้สายขึ้นมาโดยใช้สัญญาณวิทยุเป็นตัวเชื่อมต่อแทนสายเรียกว่า เม้าส์ไร้สาย (Wireless mouse)
เม้าส์ได้ชื่อมาจากรูปร่างของตัวมันเอง และสายไฟ ซึ่งมีลักษณะคล้ายหนู (Mouse) และหางหนู และขณะเดียวการเคลื่อนที่ของตัวชี้บนหน้าจอมีลักษณะการเคลื่อนที่ไม่มีทิศทางเหมือนการเคลื่อนที่ของหนู

Mouse แบ่งได้เป็นสองแบบคือ
          1. แบบทางกล
          2. แบบใช้แสง


          1. แบบทางกล
          เป็นแบบที่ใช้ลูกกลิ้งกลม ที่มีน้ำหนักและแรงเสียดทานพอดี เมื่อเลื่อน
Mouse ไปในทิศทางใดจะทำให้ลูกกลิ้งเคลื่อนไปมาในทิศทางนั้น ลูกกลิ้งจะทำให้กลไกซึ่งทำหน้าที่ปรับแกนหมุนในแกน X และแกน Y แล้วส่งผลไปเลื่อนตำแหน่งตัวชี้บนจอภาพ Mouse แบบทางกลนี้มีโครงสร้างที่ออกแบบได้ง่าย มีรูปร่างพอเหมาะมือ ส่วนลูกกลิ้งจะต้องออกแบบให้กลิ้งได้ง่ายและไม่ลื่นไถล สามารถควบคุมความเร็วได้อย่างต่อเนื่องสัมพันธ์ระหว่างทางเดินของMouseและจอ ภาพ
          Ball Mouse
          มีชนิดที่เป็น Ball อยู่ในแนวตั้งและแนวนอน 
Mouse แบบ Ball การใช้งานต้องเลื่อน Mouse ยังแกนต่างๆบนหน้าจอเพื่อเลือก หรือยกเลิกโปรแกรมที่ทำงานอยู่ ต่อมาได้พัฒนา Mouse  ให้มี wheel เพื่อให้สะดวกในการใช้งานกับ Windows ตั้งแต่เวอร์ชัน 95 เป็นต้นมา ซึ่งช่วยในการเลื่อนหน้าต่าง Window ได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องเลื่อน Mouse เพียงแต่ใช้นิ้วขยับไปที่ wheel ขึ้นลงเท่านั้น

          Wireless Mouse
          เป็น
Mouse ที่มีการทำงานเหมือน Mouse ทั่วไปเพียงแต่ไม่มีการใช้สายไฟต่อออกมาจากตัว Mouse ซึ่ง Mouse ชนิดนี้จะมีตัวรับและตัวส่งสัญญาณซึ่งทางด้านตัวรับสัญญาณอาจจะเป็นหัวต่อ แบบ PS/2 หรือ แบบ USB ที่เรียกว่า Thumb USB receiver ซึ่งใช้ความถี่วิทยุอยู่ที่ 27MHz

 
Mouse  สำหรับ Macintosh
          เป็น 
Mouse  ที่ใช้เฉพาะเครื่องคอมพิวเตอร์ Macintosh ซึ่งเป็น Mouse  ที่ไม่มี wheel และปุ่มคลิ๊ก ก็ มีเพียงปุ่มเดียวแต่สามารถใช้งาน ได้ครอบคลุมทุกหน้าที่การทำงาน ซึ่งทางบริษัท Apple ออกแบบมาเพื่อใช้กับเครื่อง Macintosh เท่านั้น

    2. Mouse แบบใช้แสง
          อาศัยหลักการส่งแสงจาก 
Mouse ลงไปบนแผ่นรอง Mouse  (mouse pad)

เเป้นพิมพ์ (Keyboard)

อุปกรณ์รับข้อมูลจากการกดแป้นแล้วทำการเปลี่ยนเป็นรหัส เพื่อบอกให้คอมพิวเตอร์รู้ว่ามีการกดตัวอักษรอะไร แผงแป้นอักขระส่วนใหญ่เป็นไปตามมาตรฐานของเครื่องพิมพ์ดีด ซึ่งระบบรับรหัสตัวอักขระที่ใช้ในทางคอมพิวเตอร์เป็นรหัส 7 หรือ 8 บิต (Operator)

   เเป้นพิมพ์ของไมโครคอมพิวเตอร์ตระกูล IBM ในรุ่นแรกๆ ประมาณปี ค.ศ.1981 มีปุ่มทั้งหมด 83 ปุ่ม ซึ่งมีชื่อเรียกว่าเเป้นพิมพ์ PC/XT และในปี ค.ศ. 1984 ก็ได้ เพิ่มจำนวนปุ่มขึ้นเป็น 84 ปุ่มมีชื่อเรียกว่า เเป้นพิมพ์PC/AT ต่อจากนั้นก็ได้ พัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ ตามความต้องการของผู้ใช้เรียกว่าเเป้นพิมพ์ AT และพัฒนามาเป็น รุ่น PS/2 โดยมีแป้นพิมพ์เพิ่มขึ้นอีก 17 ปุ่มรวมแล้วก็เป็น 101 ปุ่ม

ประเภทของ keyboard มีอยู่ 5 แบบ

1. desktop keyboard เป็น
เเป้นพิมพ์มาตรฐานแบบ 101 ปุ่ม
2. desktop keyboard with hot key เป็นเเป้นพิมพ์ที่มีปุ่มพิเศษเพิ่มเข้ามามากกว่าแบบมาตรฐาน

3. wireless keyboard เป็น
เเป้นพิมพ์ไร้สายเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ผ่านทางการเชื่อมต่อไร้สาย

4. security keyboard เป็น
เเป้นพิมพ์ที่มีระบบรักษาความปลอยภัย

5. notebook keyboard เป็น
เเป้นพิมพ์ขนาดเล็กและบาง

นอกเหนือจากแป้นปกติแล้วยังมีแป้นพิเศษที่มักจะอยู่แถวบนสุดของ
เเป้นพิมพ์ จะเป็นพวกปุ่ม F1-F12 หรือ
เเป้นพิมพ์บางรุ่นจะมีปุ่มปรังเสียง ปุ่ม Play ปุ่ม Stop ให้เราใช้งานเพิ่มความสะดวกเพิ่มเข้ามาอีกด้วย ส่วนทางขวาของเเป้นพิมพ์รุ่นใหญ่ ๆ จะมีปุ่มตัวเลข 0 - 9 แยกออกมาต่างหากเพื่อความสะดวกในการพิมพ์ตัวเลข

หน่วยรับข้อมูล (Input Unit)

หน่วยรับข้อมูล (Input Unit) คือ เครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำหน้าที่รับข้อมูลรับข้อมูลหรือคำสั่ง จากผู้ใช้เข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ เช่น ตัวอักษร ตัวเลข สัญลักษณ์ เป็นต้น โดยจะแปลงข้อมูลหรือคำสั่งนั้นให้อยู่ในรูปของสัญญาณไฟฟ้าที่คอมพิวเตอร์เข้าใจ นำมาจัดเก็บที่หน่วยความจำหลัก และใช้ประมวลผลได้ อุปกรณ์หน่วยรับข้อมูลที่นิยมใช้ในปัจจุบัน มีดังนี้ 

1. แป้นพิมพ์ (keyboard) 

2. เมาส์ (Mouse) 

3. OCR (Optical Character Reader)

4. OMR (Optical Mark Reader)

5. เครื่องอ่านพิกัด (Digitizer) 

6. ปากกาเเสง (Light Pen)

8. จอสัมผัส (Touch Screen)

9. เครื่องเทอร์มินัล (Point of Sale Terminal)

10. เเผ่นสัมผัส (Touch Pads)

11. สแกนเนอร์ (scanner) 

12. อุปกรณ์จับภาพ  (image capturing devices)

13. อุปกรณ์รับข้อมูลเสียง (voice input devices)

วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2557

สุนัขพันธุ์ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์(Labrador Retriever)!!!




          ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever) เป็นสุนัขพันธุ์หนึ่งที่นิยมแพร่หลายทั่วโลก สุนัขพันธุ์นี้คล้ายคลึงกับโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever) ต่างกันที่ความยาวของขนและขนาดของกล้ามเนื้อลำตัว โดยลาบราดอร์จะมีขนที่สั้นกว่า เป็นสุนัขที่ฉลาดหลักแหลม กระตือรือร้น รักสนุก ช่างเอาอกเอาใจ เป็นสายพันธุ์ที่เหมาะกับครอบครัวที่มีเด็ก เพราะมีนิสัยเป็นมิตร

          ทั้งนี้ ลาบราดอร์ มีจุดเด่นในเรื่องของความฉลาด มีคุณสมบัติในการตามกลิ่นได้เป็นเยี่ยม ลาบราดอร์ จึงมักถูกเลือกมาฝึกเพื่อใช้ในงานข้าราชการ ดังภาพที่เราจะเห็นเป็น สุนัข ตำรวจหรือ สุนัข กู้ภัย หรือกระทั่งใช้นำทางคนตาบอด
          ชื่อสายพันธุ์ 
ลาบราดอร์ ได้มาจากแหล่งต้นกำเนิดของสุนัขพันธุ์นี้ คือ คาบสมุทร ลาบราดอร์ ประเทศแคนาดา แต่เดิมนั้นชาวประมงจะใช้ สุนัขพันธุ์ ลาบราดอร์ ในการเก็บเหยื่อ จำพวกปลาที่หลุดออกจากเบ็ดหรือแห หรืออาจจะใช้ให้ไปคาบเป็ดป่าที่ถูกยิงตกลงไปบนน้ำที่เย็นเฉียบ 

          ในปี พ.ศ.2378 มีผู้นำ สุนัข
พันธุ์ ลาบราดอร์ ลงเรือหาปลาไปขึ้นฝั่งที่ประเทศอังกฤษ จึงทำให้มีผู้พัฒนาสายพันธุ์มาเป็น สุนัข ล่าเหยื่อ และยังถูกใช้เป็น สุนัข กู้ภัยด้วย เพราะสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วแม้ในภูมิประเทศที่ขรุขระ หรือแม้กระทั่งพื้นที่ที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็ง สุนัข ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องความอดทน เข้มแข็ง มีความสามารถในการดมกลิ่นดีเยี่ยม มีความปรารถนาจะเอาใจผู้อื่นอีกด้วย และเป็น สุนัข ที่ขี้เล่นกับเจ้าของมาก

 ลักษณะสายพันธุ์ของสุนัขพันธุ์ลาบราดอร์

          
ลาบราดอร์ จะมีขนสองชั้น ชั้นนอกสั้น เหยียดตรง และแน่น ขนชั้นในนุ่มและช่วยปกป้องจากสภาพภูมิอากาศที่เลวร้ายได้ดี สีขนเป็นสีดำ สีเหลือง หรือสีช็อคโกแลต บางครั้งอาจมีจุดขาวบริเวณหน้าอก หางของลาบราดอร์ ดูคล้ายหางของตัวนาก โคนหางจะหนาและเรียวลงจนถึงปลายหาง

          ส่วนนิสัย "
ลาบราดอร์" เป็นสุนัขที่มีเสน่ห์และน่าเลี้ยงที่สุดพันธุ์หนึ่ง ฝึกง่าย ตื่นตัว กระฉับกระเฉง ช่างประจบ ใจดี และ ฉลาด สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี เป็นมิตรกับคนและสัตว์อื่น เป็น สุนัข ที่รักเด็ก และชอบเล่นกับเด็ก นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการสะกดรอยและการปราบปรามยาเสพติด

อาหารและการเลี้ยงดูลาบราดอร์

          สถานที่เลี้ยง 
ลาบราดอร์ต้องมีคอกที่ใหญ่และมีรั้วสูงล้อมรอบ และควรใส่ใจดูแลสุขภาพ ควรแปรงขนให้สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง การเดินและวิ่งเล่นในที่ที่ไม่พลุกพล่านถือเป็นการออกกำลังกายที่ดี และเนื่องจาก ลาบราดอร์ เป็นสุนัขที่ไม่กลัวน้ำ ชอบว่ายและเล่นน้ำ หากมีเวลาก็ควรให้ได้ลงไปว่ายน้ำเก็บของบ้าง

          สำหรับ สุนัข ที่โตแล้ว ควรให้เขาเดินได้วันละ 30 นาที จะทำให้พวกเขาแข็งแรง ในขณะที่สำหรับลูกสุนัข จะใช้เวลาในการเล่นทั้งวัน ใครที่คิดจะเลี้ยง สุนัข
พันธุ์ ลาบราดอร์ บ้านของคุณควรมีบริเวณสนามหลังบ้าน ไว้ให้พวกเขาได้วิ่งเล่น และพวกเขายังเป็นจอมเคี้ยวและจอมขุดตัวยงอีกด้วย ถ้าคุณอยากให้สวนของคุณสวยเหมือนเดิม ให้เตรียมกั้นรั้วไว้ว่าบริเวณไหนที่คุณจะอนุญาตให้ ลาบราดอร์ เล่นได้

          ในเรื่องของอาหาร สุนัข
พันธุ์ ลาบราดอร์ จะอ้วนง่ายเวลาที่มีอายุมากขึ้น ซึ่งสามารถก่อให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพ ดังนั้น จึงควรดูแลอาหารการกินที่มีปริมาณและคุณค่าทางอาหารเหมาะสมตามวัยของ สุนัข และที่สำคัญควรจะพา สุนัข ไปตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี และตรวจสอบว่ามีปัญหาเรื่องโรคกระดูกข้อสะโพกหลุดหรือกระดูกอ่อนหรือไม่ การตรวจพบตั้งแต่ช่วงเริ่มแรก จะทำให้รักษาได้ผลดีกว่า

โรคที่มักเกิดกับสุนัขพันธุ์ลาบราดอร์
          โรคข้อสะโพกเสื่อม (Hip Dysplasia ) เป็นโรคกระดูกที่พบได้มากใน สุนัข พันธุ์ใหญ่ ( Giant and large breed ) โดยพบมากถึง 1 ใน 3 ของโรคกระดูกทั้งหมดใน สุนัข โดยโรคนี้จะมีพัฒนาการในช่วงที่มีการเจริญเติบโต ของกระดูกจึงอาจพบได้ตั้งแต่ 4-12 เดือน

          โรคกระดูกอ่อน เป็นโรคที่เกิดขึ้นกับ สุนัข ที่มีการเจริญเติบโตของกระดูกไม่สมบูรณ์ จะมีอาการที่พบเห็นทั่วไป คือ สุนัขมีอาการขาโก่ง หรือ ขณะเดินจะสังเกตว่าขาจะไม่มั่นคง จะปัดไปปัดมา ซึ่งสาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น ขาดการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ในช่วงที่กำลังเจริญวัย กินอาหารครั้งละมากๆ กินแล้วก็นอน ฯลฯ และผลที่ตามมา ขาก็จะลีบเล็กลง โดยที่มีน้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้นเรื่อย  จนทำให้ขาเสียในที่สุด

          วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือ ให้อาหาร สุนัข ไม่ต้องมากในแต่ละมื้อ โดยอาจจะเพิ่มจำนวนมื้อให้มากยิ่งขึ้น และให้เวลากับสุนัขของคุณ ในการพาเค้าออกไปวิ่งเล่นออกกำลังกายยามว่าง ที่สำคัญอาหารที่ให้ก็ควรมีคุณค่าสารอาหารครบถ้วน ไม่ควรที่จะให้ ข้าวคลุกกับข้าว ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ ควรจะให้สลับกับอาหารสำเร็จรูป สำหรับสุนัขบ้าง เพราะอาหารเหล่านั้นจะมีสารอาหารอย่างครบถ้วนสมบูรณ์

          โรคขาดฮอร์โมนไทรอยด์ กล่าวคือ ต่อมไทรอยด์สร้างฮอร์โมนน้อยกว่าปกติ และก่อให้เกิดความผิดปกติต่างๆ ของร่างกายโดยแสดงออกทางผิวหนัง อาการที่พบคือ สุนัขจะมีอาการขนร่วง เช่น  ข้างลำตัว  รอบก้นและหาง  หน้าอก  ในสุนัขอายุมากมักพบรังแคกระจายทั่วร่างกาย  อาจพบผิวหนังมีเม็ดสีสะสม  มักพบเป็นสีดำ อาจมีน้ำหนักตัวมากกว่าปกติ อ่อนเพลีย  ซึ่งโรคนี้มักพบในสุนัขอายุ  6-10  ปี แต่ถ้าเป็น สุนัข พันธุ์ใหญ่สามารถพบในอายุน้อยกว่า  6  ปีได้ ดังนั้น หากสุนัขของคุณมีอาการดังนี้  แนะนำให้พาสุนัขมาตรวจกับสัตวแพทย์เพื่อรับการรักษาจะดีที่สุด

          โรคประสาทตาเสื่อม อาจเรียกได้ว่าเป็นโรคประจำของสุนัข
พันธุ์ ลาบราดอร์ เนื่องจากพบอัตราการป่วยมากกว่าสายพันธุ์อื่น โดยอาการจอตาเสื่อมมีหลายชนิด ขึ้นอยู่กับบริเวณของจอตาที่มีปัญหา อาการที่สังเกตได้คือ สุนัข จะมองภาพได้ไม่ชัดเจนในที่มีแสงน้อย และเจ้าของจะรู้สึกว่าตาแวววาวผิดปกติ เนื่องจากม่านตาขยายเพื่อให้แสงผ่านไปได้มากขึ้น สุนัข อาจเห็นภาพได้แคบลง จึงต้องหันหัวมอง หรืออาจเดินชนสิ่งของ ส่วนใหญ่อาการนี้ไม่สามารถรักษาได้ แต่ไม่ใช่ทุกตัวที่เป็นจะต้องตาบอดอย่างสมบูรณ์ ทั้งนี้ต้องได้รับตรวจอย่างละเอียด

          โรคต้อกระจก มักเกิดกับ สุนัข ที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป โดยจะมองเห็นแก้วตามีลักษณะขุ่นขาว ซึ่งสุนัขยังพอมองเห็นได้ แต่ถ้าแก้วตาขุ่นเพิ่มมากขึ้นก็จะทำให้มองไม่เห็น เนื่องจากแสงไม่สามารถผ่านเข้าไปยังจอรับภาพได้ ทั้งนี้สาเหตุเป็นเพราะโรคเบาหวาน หรือได้รับบาดเจ็บ มีแผลที่ตา อย่างไรก็ตาม โรคต้อกระจกอาจจะพบได้ในสัตว์อายุน้อยตั้งแต่เกิดจนถึง 3 ปี เนื่องจากเป็นมาตั้งแต่เกิด สำหรับการรักษา ควรรีบพาสุนัขของคุณไปพบสัตวแพทย์ เพื่อรับการตรวจและรักษาทันที หากปล่อยทิ้งไว้นาน  จะทำให้การรักษายากขึ้น และอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ตาบอดได้

          โรคลมบ้าหมู  จะทำให้ สุนัข ชักบ่อยๆ และควบคุมการทรงตัวไม่ได้ การแก้ไขเบื้องต้น ควรหาสถานที่ให้ สุนัข อยู่อย่างสงบในห้องที่มืดๆ จนกว่าอาการชักจะทุเลาลง ในระหว่างที่ สุนัข ชักอย่าได้เข้าไปจับตัวเด็ดขาด เพราะมันอาจหันมากัดได้  ทั้งนี้ ยารักษาโรคลมบ้าหมูอาจช่วยลดอาการชักให้น้อยลงได้ แต่ควรปรึกษาการใช้ยาจากสัตวแพทย์ สำหรับสาเหตุของโรคชักเกิดจากพยาธิในลำไส้เป็นตัวการสำคัญ

สุนัขพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้(Siberian Husky)!!!


ลักษณะทั่วไป


     ไซบีเรียน ฮัสกี หรือเรียกสั้นๆว่า ไซบีเรียน สุนัขขนาดกลาง ขนฟูแน่น แข็งแรง คล่องแคล่ว มีหน้าตาเป็นอาวุธ เพราะ หน้าดุ ทำให้คนสามารถกลัวได้ ลักษณะจะเหมือนหมาป่า แต่จริงๆแล้วไม่ดุอย่างหน้าตาหรอกนะ เป็นมิตรกับคนและเข้ากับคนได้ง่าย สุนัขพันธุ์ไซบีเรียนนี้จะรู้จักกันดีในกีฬาลากเลื่อนที่เป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยม

ความเป็นมา


     ไซบีเรียน ฮัสกี นี้มีต้นกำเนิดในตะวันออกของไซบีเรีย คำว่า “ฮัสกี้” ได้มาจากชื่อที่ใช้เรียกชาวอินนูอิต(Inuit) โดยเพาะพันธุ์มากจากสุนัขในวงศ์สปิตซ์(สุนัขขนยาวและหนา)ของชาวชุกซี ต่อมาได้ถุกนำเข้ามาในอลาสกาและแพร่พันธุ์เข้าสู่สหรัฐอเมริกาและประเทศแคนาดา จนพัฒนามาเป็นสุนัขลากเลื่อนเมื่อประมาณ ค.ศ.1900 ต่อมาจึงนำมาไซบีเรียนเลี้ยงเป็นสุนัขตามบ้าน

ลักษณะนิสัย
 

     ไซบีเรียนเป็นสุนัขที่ฉลาด ไฮเปอร์ตื่นตัว พลังงานสูง สมาธิค่อนข้างสั้น รักอิสระ มีความเป็นตัวของตัวเองสูง เข้าขั้นเรียก่า ดื้อ ขี้บ่น ขี้เถียง ฝึกยาก เป็นนักทำลายข้าวของตัวยง แต่ไซบีเรียนเป็นน้องหมาที่เป็นมิตรกับทุกคน ไม่ว่าจะคุ้นหน้า หรือแปลกหน้า ไหวพริบดี ฉลาดแกมโกง ซึ่งไหวพริบกับความฉลาดที่มีของพวกเขานั้นไม่ค่อยได้เอาไปใช้ประโยชน์สักเท่าไหร่ โดยส่วนมากจะเป็นเล่ห์เหลี่ยมเพื่อหาทางซุกซนเสียมากกว่า ไซบีเรียน ฮัสกีชอบหอนมากกว่าเห่า จนกลายเป็นปัญหาสร้างความเดือดร้อนให้แก่ครอบครัวและเพื่อนบ้าน พวกเขาค่อนข้างฝึกยาก จึงควรได้รับการฝึกอย่างสม่ำเสมอ เป็นประจำทุกวัน วันละ 10 - 15 นาที แต่ควรได้รับการออกกำลังกายเป็นประจำทุกวันมากกว่า 15 นาที โดยการวิ่ง เพื่อให้พวกเขาได้เผาผลาญพลังงาน ไม่ซุกซนจนเกินควร
การดูแล

 

     การให้อาหารสุนัขไซบีเรียนนั้น จะให้ 2-3 ครั้ง/วัน ได้ แต่สุนัขพันธุ์นี้จะค่อนข้างกินอะไรยากอยู่เช่นกันหากไม่ถูกปาก มันจะยอมอดอาหารได้ 3-4 วัน ดังนั้นวิธีการที่จะกระตุ้นความอยากอาหารได้คือการพาสุนัขไปออกกำลังกาย ส่วนของอาหารนั้นผู้เลี้ยงสามารถสามารถนำอาหารสำเร็จรูปมาผสมกับอาหารอื่นได้เพื่อเพิ่มรสชาติและอรรถรสในการกินมากขึ้น อาหารที่สุนัขไซบีเรียนโปรดปรานที่สุด คืออาหารที่มีปลาผสมอยู่ในอาหาร สุนัขจะกินหมดได้อย่างรวดเร็ว

     ส่วนเรื่องของการทำความสะอาดนั้น ไม่ควรอาบน้ำบ่อยเกินไป อาบ2-3 สัปดาห์ต่อครั้งก็พอ เพราะไซบีเรียนนั้นเป็นสุนัขสะอาด ไม่มีกลิ่นตัว หากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่สกปรกก็ไม่จำเป็นต้องอาบน้ำบ่อยๆ ก็ได้ ที่สำคัญเวลาอาบน้ำต้องใช้แชมพูอาบน้ำสุนัขโดยเฉพาะ ควรมีความอ่อนโยนมากๆ และหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วจะต้องใช้ไดร์เป่าขนให้แห้งสนิท อาจใช้ระยะเวลานาน แต่เพื่อไม่ทำให้น้องไซบีเรียนเป็นโรคผิวหนัง


     เรื่องของขนสุนัขไซบีเรียนเป็นสิ่งที่สำคัญที่ผู้เลี้ยงควรใส่ใจ หากอยู่ในช่วงฤดูผลัดขนนั้น มันจะมีปริมาณขนที่ผลัดออกมาเยอะมากๆ ฉะนั้นผู้เลี้ยงควรจะต้องมั่นดูแล และแปรงขน เพื่อไม่ให้เกิดขนพันกัน ส่วนเรื่องของสุขภาพของสุนัขก็ถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นและผู้เลี้ยงควรจะให้ความสำคัญ เพราะนอกจากจะช่วยสร้างสุขภาพที่ดีแล้ว ยังช่วยให้สุขภาพจิตของสุนัขดีขึ้นด้วย ควรใช้เวลาการออกกำลังกาย 15 นาที/วัน ดีที่สุดและทำทุกๆวัน


     ผู้เลี้ยงจะต้องทราบว่าหากไม่ได้พาสุนัขไปออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไซบีเรียนจะกลายเป็นตัวยุ่ง ก่อความรำคาญในทันที เพราะมันจะเกิดความเบื่อหน่าย จึงต้องหาอะไรทำเพื่อลดอาการเบื่อหน่ายลงไป อีกทั้งการออกกำลังกายยังเป็นการช่วยกระตุ้นให้ไซบีเรียนนั้นอยากอาหารไปในตัวอีกด้วย

สุนัขพันธุ์บูลด็อก(Bulldog)!!!


สุนัขพันธุ์บูลด็อก เริ่มมีในปี 1630และถูกพัฒนาจาก สายพันธุ์มาสทีฟฟ์เพื่อใช้ในกีฬาล่าหมีและตัวแบดเจอร์(สัตว์ขนาดเท่าสุนัขจิ้งจอก เท้ามีเล็บอย่างหมี) ขากรรไกรบนมีขนาดใหญ่ จมูกที่กว้าง สั้น ตั้งอยู่ระหว่างตาทั้ง 2 ข้าง ถูกพัฒนาเพื่อให้สามารถหายใจได้ขณะที่ตัวสุนัขกำลังกัดและห้อยตัวแขวนอยู่บนคอของคู่ต่อสู้ที่โชคร้าย การเป็นนักฆ่าที่น่ากลัวเกิดจากความกล้าหาญและความหวงถิ่น การเพาะพันธุ์ในตอนแรกก็เพื่อเกม กีฬาสู้วัวซึ่งเป็นที่ชื่นชอบในอังกฤษมากกว่า 700 ปี ก่อนจะเป็นกีฬาที่ผิดกฎหมายในปี 1850 

สุนัขพันธุ์บูลด็อกมีชีวิตได้นาน 9-10 ปี 

มีน้ำหนัก 20–25กก. 

โดยปกติสุนัขพันธุ์บูลด็อกจะมีนิสัยค่อนข้างนิ่งและอ่อนโยน แต่พวกเขาก็หวงอาณาเขตเป็นอย่างยิ่งกับ บริเวณที่เขาคิดว่าเขาเป็นเจ้าของ ถ้าคุณกำลังมองหาสุนัขเฝ้าบ้าน รูปร่างหน้าตาของ สุนัขพันธุ์นี้จะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์เป็นอย่างมาก นอกจากนั้นพวกเขาก็กล้าหาญและพร้อมจะป้องกัน ทรัพย์สินของคุณได้เป็นอย่างดี ร่างกายที่บึกบึนกับ หัวและขากรรไกรที่ใหญ่โตของพวกเขาจะทำให้ผู้บุกรุกต้องหยุดอย่างไม่ต้องสงสัย สุนัขบูลด็อกจะมีความสุขกับการได้ใช้เวลากับเจ้าของและเขาจะแสดงความน่ารักทุกครั้งที่มีโอกาส คุณสามารถเริ่มฝึกสอนวินัยให้กับเขาได้ ตั้งแต่อายุ 8 สัปดาห์ ถ้าคุณไม่ห้ามเขาเวลาที่เขากระโดดใส่คุณตั้งแต่เขายังเป็นลูกสุนัขคุณก็จะไม่สามารถเปลี่ยนเขาได้ถ้าเมื่อโตขึ้นแล้วเขาก็ยังคงโดดใส่คุณอยู่ดี ไม่ว่าคุณจะเบื่อกับการกระทำของเขาขนาดไหนก็ตาม สุนัขพันธุ์บูลด็อกเหมาะจะเป็นสุนัขประจำครอบครัว พวกเขาจะตอบแทนคุณด้วยความจงรักภักดี ถ้าได้รับ การดูแล และความรักจากคุณ 

โดยมากแล้วสุนัขพันธุ์บูลด็อกพอจะเข้ากับสุนัขอื่นๆได้ แต่จะมีเป็นบางตัวที่ไม่ค่อยเต็มใจจะอยู่ร่วม บ้านกับสัตว์อื่นๆ คุณควรฝึกให้
สุนัขพันธุ์บูลด็อกได้รู้จักแมวและสัตว์อื่นตั้งแต่สุนัขอายุยังน้อยอยู่ 


ก่อนตัดสินใจซื้อสุนัขสักตัว คุณควรศึกษาทำความ เข้าใจเกี่ยวกับสุนัขพันธุ์นั้น สุนัขพันธุ์บูลด็อก มีขนสั้นดังนั้นจึงค่อนข้างสะอาด คุณควรทำ ความสะอาดรอยย่นบนหน้าของเขาเป็นประจำทุกวัน โดยใช้สำลีสะอาดเช็ดให้แห้ง ทาวาสลีนปีโตรเลียม เจลลีแล้วเช็ดออกเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิด รอยคราบน้ำตาและป้องกันการเสียดสีดูแลบริเวณใต้หางเขาด้วยวิธีการเดียวกันนี้ถ้ามีรอยคราบนิดหน่อยบริเวณจมูกก็ไม่เป็นไร มันจะช่วยให้จมูกชุ่มชื้น ไม่แห้ง คอยดูเล็บเท้าเขาทุกอาทิตย์ หากเห็นว่ายาวเกินไป ก็ให้เล็มออก การแปรงขนให้เขาประจำทุกวัน สักวันละ 5 นาที เช็ดขนเขาด้วยผ้าหมาดนุ่มๆจะทำให้ขนเขาสวยและดูดีห้ามให้กระดูกเขาถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงกระดูกชิ้นเล็กๆ เพราะมันอาจไปทิ่มในลำคอได้ และเตรียมน้ำสะอาดไว้ให้เขาตลอดเวลาควรพาเขาไปเดินเล่นสักรอบเพื่อให้เขาได้ออกกำลังกายอย่างเพียงพอ ถ้าเป็นไปได้ควรเป็นช่วงเช้า หรือเย็นเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เขาร้อนเกินไปจน ไม่สบายตัว 

สภาพอากาศที่ร้อนอาจทำให้สุนัขพันธุ์บูลด็อกถึงตายได้ ไม่ต้องให้เขาออกกำลังกายหนักมากแต่ก็ต้องให้เขาออกกำลังกายตามสมควรเพื่อให้เขามีกล้ามเนื้อยังแข็งแรงอยู่ 

สุนัขพันธุ์ยอร์คเชียร์เทอร์เรีย(Yorkshier Terrier)!!!

ลักษณะทั่วไป


     ยอร์คเชียร์เทอร์เรียเป็นสุนัขทอย พันธ์เล็กที่มีรูปร่างสมส่วน มีขนยาวปกคลุมตลอดลำตัว ขนยาว เรียบ ละเอียด เงา สลวยและเงางาม มีขนยาวที่หัว ซึ่งจะรวบหรือรัดด้วยโบว์ก็ได้ มีขนที่จมูกและปากยาว สีขนเป็นสีเงินออกน้ำเงินและสีทอง ลูกสุนัขเกิดใหม่จะมีสีน้ำตาลและสีดำ ลักษณะท่าทางจะบ่งบอกถึงความมั่นใจ กล้าหาญ กระตือรือล้น เชื่อฟังคำสั่งของเจ้าของ

ประวัติความเป็นมา


     ยอร์คเชียร์เทอร์เรียได้รับ การพัฒนาราวๆ ช่วงกลางของศตวรรษที่19 โดยการผสมข้ามสายพันธุ์เทอร์เรียร์ ที่แตกต่างกันหลายๆ สายที่มีในช่วงนั้น โดยเกิดขึ้นที่ตอนกลางถึงตอนเหนือของประเทศอังกฤษ โดยเฉพาะในเมือ ยอร์คเชียร์ จนเป็นที่มาของชื่อ ยอร์คเชียร์เทอร์เรียในช่วงแรกหนักถึง 6กก. และถูกใช้เช่นเดียวกับสายพันธุ์เทอร์เรียร์ อื่นๆ เพื่อกำจัดหนู เวลาต่อมา ผู้เพาะพันธุ์ที่ผลิตสายพันธุ์ที่เล็กกว่าสวยกว่า เพื่อเป็นสัตว์เลี้ยงในครอบครัวและเพื่อการประกวดมากกว่าเป็นสุนัขล่าหนู

ลักษณะนิสัย


     เป็นสุนัขที่กล้าหาญไม่ค่อยจะเกรงกลัวอะไร และเป็นสุนัขเฝ้าบ้านที่ดี มีความสามารถที่จะได้ยินในระยะไกลๆได้ แต่ก็ไม่ใช่สุนัขที่เห่าพร่ำเพรื่อไม่มีสาเหตุ นอกจากนี้ยังเป็นสุนัขที่รักเจ้าของและมีความต้องการที่จะได้อยู่ใกล้ชิดกับเจ้าของ บางตัวชอบที่จะนอนบนเตียงเดียวกันกับเจ้าของ(ถ้าเจ้าของอนุญาต) เป็นสุนัขที่กระฉับกระเฉง โดยเฉพาะในช่วงเด็กๆ เค้าจะค่อนข้างคึกและซนมากๆ มักจะชอบวิ่งไล่จับหนู กบ แมลงหรือสัตว์ต่างๆที่ตัวเล็กพอๆกันหรือเล็กกว่า เป็นสุนัขที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงจนเหมือนกับว่าเป็นสุนัขที่ดื้อ ไม่เชื่อฟังคำสั่ง จะทำอะไรก็ต่อเมื่อตัวเองอยากทำเท่านั้น

การดูแล         


     การอาบน้ำให้ยอร์คเชียร์ อาจทำแค่ 1 ครั้ง/เดือนก็เพียงพอ การอาบน้ำควรทำในสถานที่ที่อากาศอบอุ่นก่อนอื่นต้องใช้สำลีอุดหูทั้งสองข้างเพื่อกันน้ำเข้า หู จากนั้นใช้มือข้างหนึ่งรองบริเวณอกของเขาเพื่อจับให้ เขายืนขึ้น (หากเป็นไปได้ ควรหาผ้ารองกันลื่นมาวางรองพื้นเพื่อไม่ให้ขาของเขาลื่นไถลไปมาเวลาที่คุณจับเขายืน

     ทั้งนี้ ต้องระวังอย่าให้แชมพูเข้าปากและตา จากนั้นล้างแชมพูออกด้วยน้ำสะอาด แล้วเช็ดด้วยผ้าขนหนูก่อนจะนำไปเป่าขนให้แห้งด้วยไดร์เป่าที่ใช้ความร้อนพอเหมาะ เสร็จแล้วจึงใช้แปรงหวีขนเบาๆ ซึ่งการแปรงขนให้ยอร์กไชร์ เทอร์เรียร์ เป็นสิ่งที่ต้องทำเป็นประจำทุกวันสำหรับสุนัขพันธุ์นี้

     ขนของ ยอร์คเชียร์เทอร์เรีย โดยทั่วไปจะยาวถึงพื้นจึงจำเป็นต้องแปรงขนประมาณ 1ชั่วโมงทุกๆ 2 วันเพื่อไม่ให้ขนพันกันยุ่ง ควรผูกรวบขนบนหัวไว้ไม่ให้ตกมาบริเวณตาของสุนัข แต่ถ้าไม่ต้องการยุ่งยากมากนักก็เพียงแต่ตัดขนให้สั้นก็ได้ พวกเขาจะมีความสุขมากถ้าพาเขาไปเดินเล่นหรือปล่อยให้วิ่งเล่นในสวนหลังบ้าน

     ส่วนเรื่องอาหารการกินของ ยอร์คเชียร์เทอร์เรีย ควรจะเป็นอาหารเม็ดจะดีที่สุด เพราะมีความสะดวกในการเก็บรักษา ในลูกสุนัขควรเลือกอาหารสูตรลูกสุนัข ซึ่งมีปริมาณโปรตีนสูง แต่สำหรับสุนัขโตอาจเลือกอาหารที่มีปริมาณโปรตีนเป็น ส่วนประกอบขั้นต่ำ ประมาณร้อยละ 20 ก็เพียงพอ และอาจผสมอาหารเปียกลงไปในอาหารเม็ดเพื่อเพิ่มความน่ากินเป็นบางครั้งก็ได้
) เปิดน้ำจากฝักบัวอย่าให้แรงมากนัก ค่อยๆ รดตัวเขาให้เปียกจนทั่ว ชโลมแชมพูให้ทั่วตัวและถูเบาๆล้างทำความสะอาดบริเวณศีรษะ และใบหน้าเป็นอันดับสุดท้าย

ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม

     ยอร์คเชียร์เทอร์เรียเหมาะสำหรับคนทุกช่วงอายุ ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีเด็กก็ตาม แต่ถ้ามีเด็กเด็กต้องได้รับคำแนะนำถึงวิธีการปฏิบัติต่อสุนัข และไม่ควรปล่อยให้อยู่กับสุนัขโดยไม่มีผู้ใหญ่ดูแล สิ่งที่สำคัญที่สุดเมื่อคุณเลี้ยง ยอร์กไชร์ เทอร์เรียร์ คือคุณมีเวลาเพียงพอที่จะดูแลเขาหรือไม่ เช่นเดียวกับสุนัขส่วนมากคือการทิ้งให้อยู่ลำพังเป็นเวลานานจะไม่ดีกับอารมณ์ของ ยอร์คเชียร์เทอร์เรียเลย และถ้าทุกๆ คนในบ้านจะต้องไม่อยู่บ้านตลอดทั้งวันแล้วล่ะก็ จะดีมากที่สุดถ้าเลี้ยงสุนัขไว้ 2 ตัวเพื่อให้อยู่เป็นเพื่อนกัน

สุนัขพันธุ์ชิวาว่า(Chihuahua)!!!


 "เล็กใหญ่ไม่เกี่ยว มันอยู่ที่ใจ"…คำพูดนี้อย่าตีความหมายเป็นอย่างอื่น มันเป็นการยืนยันความรักของ "ชิวาว่า" สุนัข ที่หลายคนรู้จักมักคุ้นว่า "หมากระเป๋า" ที่มีให้กับนายของมัน

          หลายๆ คนลงความเห็นว่า สุนัข ชิวาวา มีนิสัยที่ค่อนข้างติดเจ้าของและไม่ทำลายข้าว ขี้ประจบมาก อ้อน บางครั้งก็เป็น สุนัข ที่หยิ่งในตัว ถ้าไม่ใช่เจ้าของจะไม่ให้จับต้อง ปากเปราะเห่าเสียงดังเหมือน สุนัข พันธุ์เล็กตัวอื่นๆ ทำให้ สุนัขพันธุ์ชิวาว่า เหมาะที่จะเลี้ยงไว้สำหรับเป็นเพื่อนมากกว่าหมาเฝ้าบ้าน

          สุนัข ชิวาว่า เพศผู้อายุ 1 ปี จะเริ่มเป็นสัดซึ่งเร็วกว่าเพศเมีย เริ่มเหล่หนุ่มตอนช่วงอายุ 18 เดือน หลังจากผสมพันธุ์แล้วตกลูกเต็มที่ 1-3 ตัว น้ำหนักตั้งท้องจะมีขนาด 2 กิโลกว่า ลูกสุนัข มีน้ำหนัก 1 ขีด ไม่เกิน 2 ขีด มีขนาดเล็กมาก แรกเพิ่งคลอดต้องคอยดูแลให้ สุนัข กินนมแม่ ซึ่งช่วงนี้ควรระวังเรื่องโรคต่างๆ

          พออายุราวเดือนครึ่ง ควรเริ่มฝึกให้ สุนัข ชิวาว่า กินอาหารเม็ดด้วยการแช่น้ำให้นิ่ม หรือผสมนมแพะเล็กน้อย หรือให้ อาหารเหลวสำหรับ ลูกสุนัข เป็นการฝึกให้สุนัขเลียหรือกินอาหารได้เอง

          สีสันกลายเป็นข้อแบ่งเกรดและราคาของ สุนัขพันธุ์ชิวาว่า สีตามมาตรฐานสายพันธุ์ก็คือน้ำตาล แต่บรีด (ผสม) กันไปบรีดกันมา จนเกิดสีหลากหลาย เช่น สีซอค สีดำ สีน้ำตาล สีทั่วไปอย่างที่เห็น เป็นสีขาว ดำ สีแฟนซี

          ส่วนรูปร่างลักษณะที่เป็น สุนัขพันธุ์ชิวาว่า ที่ดีสมบูรณ์แบบ หัวหรือกะโหลกศีรษะต้องกลม หน้าจะต้องสั้น ส่วนเรื่องลำตัวจะยาวหรือไม่แค่ไหนนั้นแล้วแต่ตัว สุนัข ขาต้องไม่ยาว ควรอยู่ในสัดส่วนที่พอดี ดูแล้วเป็นทรงสี่เหลี่ยม เมื่อมองจากลำตัวที่ตัดจากลำคอไปถึงหาง การเดินต้องเดินเตะเหมือนม้า วิ่งเหยาะๆ คล่องแคล่ว มีนิสัยที่ปราดเปรียว กระโดดโลดเต้น ชื่นชอบการออกกำลังกาย

          เมื่อ สุนัขพันธุ์ชิวาว่าโตเต็มวัยน้ำหนักเฉลี่ยอยู่ที่ 1.8-2.7 กก. ซึ่งที่ฟาร์มจะบรีดได้เล็กสุดอยู่ที่น้ำหนัก 1.5 กก. แม้ว่ามันจะได้ชื่อว่าเป็น สุนัขที่ตัวเล็กที่สุดในโลกแล้วก็ตาม ปัจจุบันก็ยังมีคนผสมดูแลให้ ชิวาวา เล็กจิ๋วลงไปอีก และ ทำได้อย่างไม่น่าเชื่อ!!..

          แม้ว่าหมากระเป๋าจะตัวเล็ก แต่อายุโดยเฉลี่ยของ สุนัขพันธุ์ชิวาว่า อยู่ที่ 15 ปี ซึ่งเท่ากับ สุนัข สายพันธุ์อื่นๆ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลที่ต้องระวังเป็นพิเศษ…ทั้งสุขอนามัยและอย่าให้โรคภัยเบียดเบียน

          

สุนัขพันธุ์บางเเก้ว(Thai Bangkaew dog)!!!

สุนัขพันธุ์บางแก้ว สุนัขไทย พันธุ์เดียวที่มีขนยาวสองชั้น หางเป็นพวง มีขน ขาหน้าคล้ายขนขาสิงห์แผงรอบคอคล้ายสิงโต จัดเป็นสุนัขที่มีลักษณะสวย ฉลาด ซื่อสัตย์ รักเจ้าของ เหมาะเลี้ยงเป็นเพื่อน เฝ้าบ้าน เลี้ยงง่าย มีความกล้าหาญ ที่สำคัญคือ สุนัขพันธุ์บางแก้ว ค่อนข้างดุ ฝึกใช้งานอารักขาได้ดี เป็นนักสู้แม้ว่าสุนัขตัวอื่นจะมีขนาดใหญ่กว่าก็ตาม บางแก้ว ก็จะสู้ไม่ถอยเชียวล่ะ

          ต้นกำเนิดของ สุนัขพันธุ์บางแก้ว อยู่ที่ วัดบางแก้ว ต.บางแก้ว อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก สุนัขพันธุ์บางแก้ว เป็นสายเลือดผสมระหว่าง สุนัขพันธุ์ไทยพื้นบ้าน กับสุนัขป่า เนื่องจากภูมิประเทศแถบ ต.บางแก้ว  สมัยก่อนค่อนข้างมีลักษณะเป็นป่ามีต้นไม้หนาแน่น เป็นที่อาศัยของพวกสุนัขจิ้งจอก และสุนัขไน หรือที่เรียกว่า หมาไน ทำให้เกิดผสมพันธุ์กันระหว่าง สุนัข ทั้ง 3 สายพันธุ์ จนในที่สุดก็ได้เป็น"สุนัขพันธุ์บางแก้ว" ที่มีลักษณะหลายสีเหมือนสุนัขบ้าน มีขนยาวสองชั้นเหมือนสุนัขป่า หูป้องไปข้างหน้าเหมือนจิ้งจอก ดุ รักถิ่นฐานเหมือนสุนัขบ้าน และกล้าหาญเหมือนสุนัขไน

ลักษณะสายพันธุ์ของ สุนัขพันธุ์บางแก้ว          

สุนัขพันธุ์บางแก้ว จะมีขนาดเท่าสุนัขไทย หรือเล็กกว่าเล็กน้อย ขนปุยยาว สง่างาม ว่องไว แข็งแรง เวลายืนมักเชิดหน้าและโก่งคอคล้ายม้า หัวกะโหลกใหญ่ ปากยาวแหลม หูเล็กสั้นตั้งป้องไปข้างหน้า ลักษณะเด่นของ สุนัข บางแก้ว คือ ภายในหูจะมีขนปลายปิดรูหูคล้ายหมาจิ้งจอก ตาเล็กกลมรี พื้นสีตาเป็นสีเหลืองทองคล้ำ ขณะโกรธจะขึ้นแววสีฟ้าใส หรือที่เรียกว่า ตาเขียว จมูกสีดำ ฟันซี่ เล็กขาวคม หางต้องเป็นพวงสืบทอดมาจากสุนัขจิ้งจอก ตั้งโค้งไปข้างหน้า หางพุ่งไปด้านหลังแล้วโค้งตั้งขึ้น และเป็นพวงลาดแบบแทงดินอย่างหางม้า

          ส่วนเสียงเห่าของ สุนัขพันธุ์บางแก้ว จะแหลมเล็กกว่าสุนัขไทย เวลาวิ่งจะซอยเท้าถี่ สีของ สุนัข บางแก้ว ที่นิยม คือ สีขาวปลอด ขาวน้ำตาล ขาวดำ ทั้งนี้ สุนัขพันธุ์บางแก้ว ขึ้นชื่อมากเรื่องความดุ มีความซื่อสัตย์ต่อเจ้าของ รักและหวงเจ้าของ ไม่ชอบคนแปลกหน้า มีความสามารถในการดมกลิ่นเป็นเลิศ จำเสียงได้แม่นยำ กินอาหารง่าย มีความกล้าหาญ กล้าที่จะสู้กับสุนัขที่ตัวโตกว่า 

          นอกจากนั้น 
สุนัขพันธุ์บางแก้ว  ยังชอบขุด ขุด ขุดแล้วก็ขุด เขาจะขุดทุกที่ที่เขาขุดได้ ไม่ว่าจะเป็นสนามหญ้า กระถางต้นไม้ ใต้ถุน เมื่อขุดแล้ว บางแก้ว จะนำตัวเองเข้าไปนอนอยู่ในนั้นเลย ซึ่งนิสัยพวกนี้ส่วนใหญ่จะแก้ไม่หาย ตีไปก็เสียเปล่า โดยปกติ สุนัขพันธุ์บางแก้ว  จะหยุดซนก็ต่อเมื่อ อายุ 2 ปีเข้าไปแล้ว แต่หากทำให้ บางแก้ว มีวินัยตั้งแต่ยังเล็ก หมั่นฝึกไม่ว่าจะเป็นการกิน การขับถ่าย การนอน การเล่น แล้วปัญหาข้างต้นจะไม่เกิดขึ้นอีก

          
สุนัขพันธุ์บางแก้ว  เป็น สุนัข ที่กินอาหารง่าย และปริมาณการให้ก็ไม่มากด้วย เพื่อความสะดวก ก็ควรเลี้ยงอาหารสำเร็จรูปที่มีจำหน่ายอยู่ตามท้องตลาดทั่วไป หรือถ้าพอมีเวลาอาจจะให้ข้าวก็ได้ กับข้าวกินได้ทุกชนิด แต่ควรระวังเรื่องกระดูกซักหน่อย สุนัข บางแก้ว สามารถกินผักได้เกือบทุกชนิดแล้วแต่ผู้เลี้ยงจะฝึกหัด

          ในกรณีที่ต้องการเปลี่ยนอาหาร เช่น ปกติเลี้ยงข้าว แต่ต่อมาต้องการความสะดวกจึงเปลี่ยนมาเลี้ยงอาหารเม็ดแต่สุนัขไม่ยอมกิน ในลักษณะนี้ผู้เลี้ยงต้องใจแข็งสักหน่อย อย่าตามใจเป็นอันขาด ลองทิ้งอาหารเม็ดไว้ให้เขาประมาณ 20 นาที ถ้าไม่กินก็เก็บแล้วนำมาเลี้ยงในมื้อต่อไป ทำเช่นนี้จนกว่า สุนัข จะยอมรับอาหาร

          ด้านการทำความสะอาด การอาบน้ำ สุนัข ถือเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าไม่ระวังอาจทำให้เขาป่วยได้เพราะอุณหภูมิร่างกาย สุนัข นั้นสูงกว่าคนเรา น้ำที่เราคิดว่าเย็นไม่มากอาจจะเย็นเกินไปสำหรับสุนัข จึงควรอาบน้ำให้เขาในช่วงกลางวันขณะที่น้ำและอากาศไม่เย็นมาก หลังจากอาบเสร็จ ให้เช็ดตัวสุนัขให้แห้ง ถ้าเป็นสุนัขที่ขนยาวก็อาจใช้เครื่องเป่าผมเพื่อช่วยให้สุนัขไม่หนาวมากเกิน ไป ถ้าทำความสะอาดขนของเขาเป็นอย่างดี อาจไม่ต้องอาบน้ำบ่อยก็ได้ ควรถูสบู่เมื่อขนของเขาสกปรกมาก มีกลิ่นตัว หรือมีหมัดเท่านั้น อย่าอาบน้ำให้สุนัขเกินสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพราะถ้าอาบบ่อยเกินไปอาจทำให้ผิวหนังของสุนัขแห้งและคัน ซึ่งจะมีปัญหาโรคผิวหนังตามมา และในขณะอาบน้ำควรระวังอย่าให้น้ำเข้าหูสุนัข ด้วย

โรคและวิธีการป้องกัน

          โรคไข้หัดเป็นโรคที่ติดต่อได้ง่ายใน สุนัข และ 
สุนัขพันธุ์บางแก้ว  ง่ายต่อการเกิดโรคนี้มาก สาเหตของโรคเกิดจากเชื้อไวรัส Canine Distemper virus หรือ CDV RNA Virus Paramyxovirus การติดต่อ สามารถติดต่อทางระบบหายใจ จะติดทางน้ำมูก ขี้ตา น้ำลาย โดยหายใจเข้าไปหรือ หรือจากการสัมผัสอาการของโรค สุนัข จะเสียชีวิตในที่สุด

          ทั้งนี้ โรคไข้หัด มีอยู่หลายชนิดตามอาการ ซึ่งอาการป่วยของ 
สุนัขพันธุ์บางแก้ว  ที่เป็นไข้หัด จะพบอาการรวมๆ คือ ครั้งแรกจะพบว่ามีไข้ขึ้น อยู่ไม่สุข ไม่กินอาหาร มีน้ำมูกออกมาสีเหมือนน้ำหนอง หรือมีขี้ตาเป็นน้ำหนองสีขาวข้น อุจจาระเหม็นเป็นกลิ่นเฉพาะของโรคนี้เท่านั้น มีอาการชัก โดยแสดงอาการนั่งหรือเดินถอยหลังด้วยอาการน้ำลายฟูมปาก ขากรรไกรล่างเคี้ยวตลอดเวลา หัวสั่น แล้วจะหยุดชักเหมือนสุนัขปกติ แล้วชักอีกอาการชักจะถี่เข้าเรื่อยๆ จนเสียชีวิตในที่สุด แต่กว่าจะเสียชีวิต สุนัขจะทรมานอยู่อย่างนั้น 2-3 อาทิตย์